ในปี 2554 เป็นปีที่ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 21 ของการบริการ ซึ่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมาได้มุ่งมั่น สร้างสรรค์ หลักประกันของชีวิต ด้วยจิตสำนึกในการให้บริการ การทำงานร่วมกัน เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ โดยมีเป้าหมายสูงสุดของการทำงานคือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ประกันตน ซึ่งในปีนี้ สำนักงานประกันสังคมได้เพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตน ประกอบด้วย
กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ในส่วนกรณีทันตกรรม เดิมผู้ประกันตนมีสิทธิกรณี ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน โดยนำใบเสร็จและใบรับรองแพทย์มาเบิกคืนได้ไม่เกินครั้งละ 250 บาท ปีละไม่เกิน 500 บาท จะได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ดังกล่าวเป็นครั้งละไม่เกิน 300 บาท ปีละไม่เกิน 600 บาท และได้เพิ่มสิทธิในการใส่รากฟันเทียม ให้กับผู้ประกันตนที่ประสบอุบัติเหตุ และสูญเสียฟันทั้งปาก หรือ ผู้ประกันตนที่มีอายุตั้งแต่ 53 ปีขึ้นไป และสูญเสียฟันทั้งปาก ซึ่งผู้ประกันตนต้องยื่นความจำนงขอรับสิทธิภายใน 90 วัน นับจากวันที่ประกาศมีผลบังคับใช้ พร้อมรับแบบคำขอและตรวจสอบคุณสมบัติ ของผู้ประกันตนได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ โดยสำนักงานประกันสังคม จะส่งผู้ประกันตนพบแพทย์ในโรงพยาบาลโครงการรากฟันเทียมให้ความเห็น ตามใบรับรองแพทย์ที่กำหนด และส่งเรื่องหารือคณะกรรมการการแพทย์ พร้อมแจ้งมติให้ผู้ประกันตนทราบ เพื่อเข้ารับการรักษา โดยสถานพยาบาลในโครงการรากฟันเทียมจะเป็นผู้ขอรับค่าบริการ ทางการแพทย์ หลังจากสิ้นสุดการรักษาเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 16,000 บาทต่อราก และไม่เกินรายละ 2 ราก
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มสิทธิ กรณีผู้ป่วยโรคจิตของกองทุนประกันสังคม จากเดิมที่ผู้ป่วยโรคจิตไม่สามารถเข้ารับบริการในสถานพยาบาลตามบัตรรับรอง สิทธิได้ ยกเว้นการป่วยในกรณีเฉียบพลัน ซึ่งจะต้องเข้ารับการรักษาทันทีภายใน 15 วัน ได้มีการขยายสิทธิการรักษาพยาบาลผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคจิต โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งในการคุ้มครองและรักษาผู้ป่วยให้เข้าสู่ระบบการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม
กรณีทุพพลภาพ จากเดิมผู้ประกันตนเคยได้รับค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน เดือนละ 2,000 บาท ในปีนี้ได้เพิ่มเป็นไม่เกิน 4,000 บาท ต่อเดือน ในกรณีที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลเอกชน ประเภทผู้ป่วยใน แต่หากเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของรัฐเบิกได้เท่าที่จ่ายจริง รวมทั้งเหมาจ่ายค่าพาหนะเพื่อรับบริการทางแพทย์ไม่เกินเดือนละ 500 บาท
กรณีคลอดบุตร จากเดิมผู้ประกันตนได้รับค่าคลอดบุตร 12,000 บาท ในปีนี้ได้เพิ่มค่าคลอดบุตรเป็นครั้งละ 13,000 บาท นอกจากนี้ผู้ประกันตนหญิงยังคงได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอด บุตรร้อยละ 50 ของค่าจ้างที่นำส่งเงินสมทบเฉลี่ยเป็นเวลา 90 วัน ส่วนผู้ประกันตนชายที่มีภรรยาไม่ได้เป็นผู้ประกันตนใช้สิทธิได้ 2 ครั้ง
กรณีสงเคราะห์บุตร จากที่ผู้ประกันตนเคยได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 350 บาทต่อบุตร 1 คน สำหรับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์เบิกได้คราวละไม่เกิน 2 คน จะได้เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรเป็นรายละ 400 บาท
ทั้งนี้เฉพาะกรณีสงเคราะห์บุตรให้รอประกาศเป็นกฎกระทรวงก่อน นอกจากนั้น ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ประกันตนทุกคนที่จะได้รับการเพิ่มสิทธิ ประโยชน์ในครั้งนี้ เพราะสำนักงานประกันสังคมได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้ประกันตน ซึ่งเป็นเจ้าของเงินกองทุนประกันสังคมตัวจริง ดังนั้นควรจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนฯ อย่างเต็มที่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไปนั่นเอง
ที่มา..ศูนย์สารนิเทศ สายด่วนประกันสังคม 1506